คลิป เกรังเกอร์ ฟยอร์ด

ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2016 ที่ผ่านมา หรือประมาณเกือบปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วงนั้นทางออฟฟิศที่สิงคโปร์ได้ส่งพี่เสือไปเมือง Brattvåg ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งด้านทิศตะวันตกของประเทศนอร์เวย์ (Norway)

วัตถุประสงค์หลักของการเดินทางครั้งนี้ก็คือการเดินทางไปร่วมทำโปรเจ็คร่วมกับเพื่อนๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ดังนั้นเรื่องเที่ยวหรือข้อมูลการท่องเที่ยวนอร์เวย์ ณ เวลานั้นต้องบอกแทบเป็นศูนย์

โปรเจ็คที่ไปช่วยงานนั้นถือว่าเป็นอะไรที่เร่งด่วนซึ่งต้องทำกับแบบ 24/7 และรันสองกะ โดยพี่เสือได้ถูกเช็ตให้อยู่ในทีมดูแลระบบไฟฟ้าและคอนโทรลกะกลางคืน

ช่วงกลางคืนผู้คนจะวุ่นวายน้อยหน่อยและงานจะไม่ค่อยเยอะเหมือนกะกลางวัน (แต่ว่าจะง่วงนอนหน่อย) ซึ่งหากมีเวลาว่างพี่เสือก็จะเซิร์จหาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อจะได้หาโอกาสไปเที่ยวหากมีเวลาหรือส่งใบลาสักวันสองวันก่อนเดินทางกลับ หรือไม่ก็หาโอกาสกลับมาที่ประเทศนี้อีกครั้งในฐานะนักท่องเที่ยวซึ่งหากมีเงินเหลือเพียงพอ ( ฝันกลางวัน)

  • เข้าทางปืน....สิ่งที่ฝันเหมือนมีคนได้ยิน

ในระหว่างที่กำลังเซิร์จหาข้อมูลอยู่นั้น จู่ๆเพื่อนร่วมกะซึ่งเป็นทีมแมคคานิคส์ก็เข้ามาทักทายแล้วชักชวนว่า " เฮ้...ไทเกอร์ เช้านี้เราจะมีแพลนจะขับรถไปเที่ยว XXX (ตอนนั้นฟังไม่ค่อยชัดว่าสถานที่นั้นมันชื่ออะไร) ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไปประมาณ 100 กิโลฯ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากในแถบนี้

โก ๆๆๆ... พี่เสือรีบชิงตอบเพื่อนร่วมทีมแบบชนิดที่ไม่ต้องคิด ทั้งที่จริงๆแล้วยังไม่รู้เลยว่าสถานที่ที่จะไปนั้นมันคือะไร (ช่วงนั้นแอบคิดใจ..แหม! มันช่างเข้าทางปืนเสียยิ่งกะไร...เรากำลังมองหาสถานที่เที่ยวอยู่พอดี ท่านมาชวนแบบนี้มีหรือข้าพเจ้าจะปฏิเสธ ...556)

หลังเสร้จภาระกิจกะดึกเราก็กลับเข้าโรงแรมที่พักเพื่ออาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันจากนั้นก็ลงมาทานอาหารเช้าตามที่โรงแรมจัดไว้ให้ และหลังหม่ำมื้อเช้าเรียบร้อยเรา 4 คนก็ออกเดินทางทันทีโดยรถยนต์ส่วนบุคคลซึ่งเป็นของหนึ่งในทีม


  • ตั้งใจหลับ....แต่หลับตาไม่ลง

หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อนซึ่งก็ตั้งใจว่าจะงีบหลับบนรถเพื่อเอาแรงสักหน่อย ซึ่งแรกๆก็เป็นเช่นนั้น... สายตาเมื่อเริ่มเจอแสงแดดก็จะออกอาการปรือๆและทำท่าจะปิดลง

หลังเดินทางออกจากเมืองไปได้ไม่นาน ร่างกายที่อ่อนแรงรวมถึงสายตาที่กำลังหรี่ๆปรือๆก็กลับมามีชีวิตชีวาราวกับว่าได้ยาดีขึ้นมาอีกครั้ง ....

ด้วยความงดงานของทัศนียภาพสองข้างทางซึ่งด้านซ้ายเป็นแลนด์สเคป+หุบเขา&เนินเขา ส่วนด้านขาวเป็นสายธารและทะเลสาบ ซึ่งอุดมไปด้วยธรรมชาติที่งดงามที่หาดูได้ยาก ก็เลยทำให้ถึงกับหลับตาไม่ลงเลยทีเดียว

ทริปนี้เจ้าถิ่นเพื่อนร่วมทีมจัดหนัก พี่แกขับรถพาพวกเราเทียวชมแลนด์มาร์คที่สำคัญๆ 3-4 จุดด้วยกัน ซึ่งแต่ละที่นั้นสวยงามและมีความโดดเด่นไม่แพ้ซึ่งกันและกันเลยที่เดียว ซึ่งพีเสือก็เองได้เก็บภาพมาฝากกันดังนี้ ( ภ่ายด้วยกล้องมือถือ หากภาพไหนไม่แจ่มไม่ประทับใจ ต้องขออภัยด้วยนะ)



จุดแรกคือTrollveggen หรือ Troll Wall ซึ่งเป็นหน้าผาหินและภูเขาที่สูงชันมาก ซึ่งสูงกว่าหอไอเฟลของฝรั่งเศสถึงเกือบสามเท่าตัว และเป็นที่นิยมของนัก Base Jumping ที่จัดอยู่ในกลุ่มของ Extreme sport

การเดินทางไป Troll wall นั้นจะต้องขับรถสะพานข้ามทะเลสาบ .... ซึ่งเวลาสายๆของฤดูร้อนจะเป็นอะไรที่งดงามมาก (ฤดูร้อนที่นี่เย็นกว่าฤดูหนาวที่บ้านเรา)



ทิศนียภาพสองข้างทางก่อนถึง troll wall


ถึงแล้วครับ....บริเวณนี้คือจุดชมวิว + ศูนย์บริการข้อมูลนักท่อง ซึ่งนักท่องเที่ยวจะนิยมมานอนค้างแรมดื่มด่ำธรรมชาติกันในบริเวณรอบๆนี้


ภาพมุงกว้างของ troll wall


ข้อมูลเบี้องต้นสำหรับนักท่องเที่ยว ... ซึ่งจะเปรียบเทียบให้เห็นว่า หน้าผาสูงของบริเวณนี้จะมีความสูงกว่าหอไอเฟลของฝรั่งเศสถึงเกือบสามเท่าตั และเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางของนัก Base Jumping (Extreme sport )


เก็บไว้เป็นหลักฐานว่าครั้งหนึ่งได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์ผุดผ่องที่นี่

Advertisement



และหลังจากเสร็จเดินเที่ยวจุดแรกแล้ว พวกเราก็เดินทางมาถึงจุดที่สอง ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 19 กิโลฯ ซึ่งมีชื่อว่า โทรลล์สทิเก็น


" Trollstigen นี้กล่าวกันว่าเป็น 1 ในบรรดา 18 เส้นทางอันแสนงดงามของนอร์เวย์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างความประทับใจและเติมเต็มความฝันของเหล่านักเดินทางที่ชอบท่องเที่ยวชมธรรมชาติให้เป็นจริง....

Trollstigen เป็นถนนเส้นเล็กๆที่ตัดต่อลัดเลาะไปตามเทือกเขาสูง ที่จะเริ่มไต่ระดับตั้งแต่ตีนเขาที่อยู่เบื้องล่างและมีความชันเพิ่มขึ้นทีละ10% ซึ่งจะทำให้รู้สึกเสียวท้องน้อยทุกครั้งยามที่หันหลังมองย้อนกลับลงไปดูเส้นทางที่พึ่งจะผ่านมาแม้แต่ผู้ที่ผ่านการขับรถมาอย่างช่ำชองก็ยังอดที่จะเสียวสันหลังมิได้เมื่อคิดถึงความสูงชันที่ทอดตัวรอคอยอยู่เบื้องหน้า แต่รางวัลแห่งความกล้าและความพยายามที่ผู้คนมากหน้าหลายตาได้มุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงจุดสุดยอดนั้นมันช่างหอมหวานเกินกว่าจะห้ามใจ เพราะตลอดสองข้างทางที่รถวิ่งผ่านไปนั้นมันชวนให้อดคิดไม่ได้ว่านี่เรากำลังวิ่งอยู่บนถนนบนโลกนี้หรือในสรวงสวรรค์กันแน่?...."ที่มา=> Trollstigen ประเทศนอร์เวย์


ขับรถโลดแล่นไปตามหุบเพื่อเดินทางไปโทรลล์สทิเก็น



เดินทางมาถึงโทรลล์สทิเก็น...ด้านหลัง ขวามือของภาพคือลานจอดรถ ร้านค้าและร้านขายของที่ระลึก ส่วนด้านหน้าคือจุดชุมวิว จุดที่เรากำลังจะเดินไปย้อนดูเส้นทางที่เราเพิ่งขับรถผ่านมากัน


เส้นทางที่พวกเราขับรถใต่ระดับขึ้นมาซึ่งมีความชั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆระดับละ 10 % ส่วนที่ลำธารสีขาวที่เห็นไกลๆนั้น เพื่อนชาวนอร์เวย์บอกแบบขำๆว่ามันคือ troll pee ซึ่งหมายถึงฉี่ของเจ้ายักษ์โทรลซึ่งเป็นชื่อของสถาที่แห่งนี้ (หากต้องการทราบว่ายักษ์โทรลคืออะไรและเกี่ยวข้องกับนอร์เวย์และพื้นที่แถบสแกนดิเนเวียร์อย่างไร ก็ลองเซิร์จหาจากอากู๋ดูนะครับ)


จุดชมวิวซึ่งจะมีการสร้างแสตนยิ่นออกไปให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศกันแบบจุใจเลยทีเดียว


Advertisement


ภาพที่มองจากเนินเขาที่อยู่ด้านหลังของจุดชมวิว






เมื่อถึงแล้ว ก็ขอเก็บหลักฐานไว้เป็นที่ระลึก


สามหนุ่มนอร์เวย์ + หนึ่งกระเหรี่ยง



ก่อนลา....แวะดูร้านขายของที่ระลึก ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเสื้อยึดที่เกี่ยวข้องกับยักษ์โทรล การ์ด ฯลฯ รวมถึงหนังกวางเรนเดียร์ แต่ทว่าแต่ละอย่างราคาค่อนข้างสูงมากก็เลยได้แค่ดู และเก็บภาพคู่กับรูปปั้นยักษ์โทรลไว้เป็นที่ระลึกเท่านั้น



หลังดื่มด่ำกับธรรมชาติอันงดงามที่บริเวณ โทรลล์สทิเก็น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินทางต่อไปที่ เกรังเกอร์ฟยอร์ด ซึ่งถือได้ว่าเป็นอัญมณีเม็ดงามแห่งนอร์เวร์

เป็นฟยอร์ดที่มีความงดงามที่สุดของนอร์เวย์เลยก็ว่าได้ .... ( ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟยอร์ด

=> ฟยอร์ด นอร์เวร์ )


การเดินทางไปดูฟยอร์ดนี้ เราต้องนำรถขึ้นแพข้ามฟากไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำที่เรียกว่า Valldalen ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างรอเวลาแพมาเที่ยบท่า


หลังจากขึ้นแพข้ามฟากมาถึงฝั่งแล้ว พวกเราก็ขับต่อไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นการขับผ่านเนินเขาและหุบที่สวยงาม


หลังจากขับมาได้ประมาณสามสิบนาที่ ก็มาถึงพักรถซึ่งจะมีป้ายบอกทาง และสามารถมองเห็นฟยอร์ดได้จากระยะไกลๆ




ไกล้ถึงแล้วจร้า....ขอบทะเลที่เห็นอยู่ไกลๆด้านหน้าคือเป้าหมายที่เราจะไป..




มาถึงจุดชมวิว .... นี่คือภาพาโนราม่า ที่ถ่ายจากบริเวณจุดชมวิว ซึ่งจะมองเห็นสายน้ำที่ใสสะอาดและได้สัมผัสกับอากาศที่บริสุทธิ์สดชื่น



มาแค่จุดชมวิวถือว่ามาไม่ถึง .... พวกเขารถเดินทางลงต่อไปจนถึงขอบของสายธาร ซึ่งเป็นแหล่งพักใจพักกายของเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวที่มาเยือน ซึ่งมีทั้งคลับ บาร์ ร้านอาหารโรงแรม ฯลฯ


เมื่อมาถึงก็....เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกตามระเบียบอีกเช่นเคย



บ้านไม้แบบเก่าๆของคนท้องถิ่นซึ่งก็มีความคลาสสิคไปอีกแบบ โดยที่บางบ้านก็จะมีการปลูกหญ้าหรือพืชไว้บนหลังคาด้วย ซึ่งก็เก๋ไปอีกแบบ



ภาพด้านล่างนี้คือเส้นทางโดยสังเขปที่เราเดินทางกันวันนี้


จากเมือง Brattvag ถึงฟยอร์ดเกรังเกอร์ เราใช้เวลาเดินทางประมาณสี่ชั่วโมง ซึ่งรวมระยะเวลาไปกลับก็ประมาณ 7-8 ชั่วโมง....

การเดินทางครั้งนี้ต้องบอกว่ามันเป็นอะไรที่แสนประทับใจ นอกจากจะได้เห็นแลนด์มาร์คที่สวยสมคำร่ำลือแล้ว ยังได้สัมผัสและดื่มด่ำกับธรรมชาติและทัศนียภาพสองข้างทางที่สุดแสนจะงดงามอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นความทรงจำที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

สุดท้ายต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมงานชาวนอร์เวย์ทั้งสามที่ได้ยืนไมตรีและมอบโอกาสนี้ให้ ซึ่งทำให้การเดินทางครั้งนี้ได้ถูกบันทึกว่าเป็นการเดินทางที่สุดแสนประทับใจทริปหนึ่งของผมเลยที่เดียว


สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆทุกๆท่านที่ติดตาม ..... อย่าลืมนะครับ ชอบกดไลน์ ถูกใจกดแชร์ เพื่อเป็นกำลังให้กับมือใหม่ขัดเขียนด้วยนะจ๊ะ

Thanks.....จาก พี่เสือ
https://tigerwalkertrip.blogspot.com


โทรลล์สทิเก็น...ถนนที่มากกว่าถนน



Geiranger fjord - เกรังเกอร์ ฟยอร์ด อัญมณีเม็ดงามด้านการท่องเที่ยวของนอร์เวย์


ความคิดเห็น